วันพุธที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

Positive = Negative



final project เป็นโครงการออกแบบสื่อสาร โดยใช้วิธีสื่อออกมาที่ดูได้ทั้งด้านบวก และด้านลบเรื่องที่เลือกคือ เรื่อง เอดส์ เพราะเอาแนวความคิดมาว่าโรคเอดส์ผู้ที่ได้รับเชื้อจะเป็นเลือกบวก แต่บวกในที่นี้มีค่าเป็นด้านลบ จึงได้หยิบมาเป็นประเด็นในการนำเสนอ

งานชิ้นแรกเป็นงานโปสเตอร์รณรงค์เรื่องโรคเอดส์







ในแต่ละภาพนั้นได้ถ่ายทอดแบบมองได้สองด้านทั้งด้านบวกและด้านลบ ในแง่ภายในภาพคือมองเห็นถึงการรักษา การห่วงใยลูก และความสุข ในแง่ลบก้อคือท่าทำการกระทำแบบนี้ถ้าไม่ระวังอาจติดโรคเอดส์ได้(แต่ในตัวงานอาจารย์ได้วิจารณ์ว่ายังไม่สื่อในการมองสองมุมเท่าที่ควร)


งานที่ส่งอีกชิ้นคือ สื่อมีเดียรณรงค์เรื่องโรคเอดส์(ที่มองได้สองด้าน)








แก้ไขวีดีโอจากเดิม นำเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องและนำส่วนที่ดูแล้วตลกออก

ปล. ย่อไฟล์เล็กลง เสียงเลยหายไป

วันอาทิตย์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

ท่านนายก



ท่านเป็นคนเสมอต้น เสมอปลาย กับนักข่าวไทยยังงัย นักข่าวต่างประเทศก้อยังงั้น ^^

วันเสาร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

ประจำทาง Magazine

หน้าปก
ประจำทาง magazine
เป็น final project ของวิชาEditorial โจทย์คือทำนิตยสารที่ไม่เคยมีการตีพิมพ์มาก่อน ภายในกลุ่มจึงคิดสรุปทำหนังสือสำหรับผู้ที่มักใช้รถประจำทางในการเดินทาง เพราะคิดว่าในแต่ละเส้นทางของสายรถเมล์ และภายในรถ เรื่องราวต่างๆนั้นมีอะไรน่าสนใจเยอะ จึงทำนิตยสารรายเดือน ภายในหนึ่งเดือนก้อจะเปนรถเมล์แต่ละสาย ว่ามีเรื่องราวน่าสนใจอย่างไรบ้างของแต่ละสาย และสายนั้นๆผ่านสถานที่ต่างๆ มีที่ใดน่าสนใจยังงัยบ้าง และภายในเล่มก้อมีคอลัมน์อื่นๆที่น่าสนใจเพิ่มเติม



หน้าปกประจำทาง เล่มแรก ฉบับสาย8(แฮปปี้แลนด์ - สะพานพุทธฯ)
ที่เลือกสาย8มาทำเพราะ รถประจำทางสาย8มีเรื่องราวให้พูดถึงที่น่าสนใจเยอะ เช่น รถเมล์นรก คนขับไร้มารยาท เลยเป็นที่น่าสนใจ จึงได้ทำสาย8เปนฉบับส่ง

ภายในเล่ม





supplement :: ประจำทาง Magazine
ด้านหน้า - เป็นของเล่นกระดาษรูปรถประจำทาง
ด้านหลัง - เป็นเรื่องอ่านและการ์ตูนเพื่อคลายเครียด

เมื่อตัดและประกอบจะได้รถประจำทางน่ารักๆ น่าเก็บไว้สะสม

วันเสาร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

สลับหน้าที่มั้ย


เคยสังเกตุกันบ้างมั้ยเพือนนนน. . . โลโก้ 7-ELEVEn

ว่าทำไม ตัว n ที่อยู่ข้างหลังสุด ถึงต้องเป็นตัวเล็ก?

งงละเสะ??? จำได้รึป่าว เคยเห็นบ้างมั้ย ??? เพื่อนลองวิ่งไปดูดิว่าใช่รึป่าววว

พอดีไปอ่านเจอมา ก้อขอเอามาโพสไว้เพราะเราเองก้อไม่ค่อยเป็นคนที่จะชอบสังเกตุ แต่พออ่านปุ๊บ!! ก้อคิดว่ามันมีอารัยเล็กๆน้อยๆอยุ่ในชีวิตเรา ควรหัดสังเกตุบ้างมันน่าสนใจเยอะ อันนี้เอามาโพสไว้เชื่อว่าหลายๆคนก้อไม่ค่อยเห็นกันหรอก แต่คัยที่รู้แล้วก้อผ่านไป(คิดงานไม่ออกมานก้อไหลไปเรื่อยยย..)

อ้ะ!! หลายคน พอเห็นแล้ว คิดในใจ “เออ จริงด้วยว่ะ” บางท่านตอนนี้อาจจะรีบวิ่งไปดูที่หน้าปากซอย “เฮ้ย มันจริงแน่รึเปล่าวะ มาหลอกกันเล่นรึเปล่า ทำไมเดินผ่านอยู่ทุกวันๆ ไม่เคยเห็น” เอ้ะ!!ยังงัย

แล้วตกลง ทำไม n ถึงต้องเป็นตัวพิมพ์เล็กอยู่ตัวเดียวด้วย??

เหตุผลเค้าบอกไว้ว่า มีตำนานอันหนึ่งกล่าวว่า ผู้เป็นเจ้าของ 7-ELEVEn มีความเชื่อในเรื่องฮวงจุ้ย จึงได้เลือกใช้อักษร n ตัวเล็ก แทนที่จะเป็น N ตัวใหญ่ ทั้งนี้ก็เพราะ n เล็ก มีรูปร่างคล้ายกับแม่เหล็ก (ที่เป็นทรงเกือกม้า) จะได้ทำหน้าที่เป็นเหมือนกับตัวดูดเงินดูดทองเข้าร้าน คอยนำมาซึ่งโชคลาภความเจริญรุ่งเรืองต่างๆ ให้แก่กิจการสืบไป
ฟังดูก้อเป็นเหตุเป็นผลกัน แต่มันแหม่งๆๆรึป่าว - -"

เพราะเวลาพูดถึงเจ้าของเซเว่น เราก็มักจะนึกถึงภาพพวกอาเสี่ยที่ซีพี ซึ่งมีความเป็นไปได้อย่างสูงที่จะเชื่อเรื่องฮวงจุ้ยถึงกับขนาดจ้างซินแสมาช่วยออกแบบโลโก้
แต่พอลองคิดดูอีกที.. เฮ่ย เจ้าของเซเว่นตัวจริงมันไม่ใช่ชาวไทยเชื้อสายจีนนี่หว่า จริงๆ แล้วมันเป็นชาวเมกันเชื้อสายฝรั่งอยู่ที่เท็กซัสไม่ใช่เรอะ ชื่อเซเว่นก็ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1946 แล้ว สมัยนั้นจะบอกว่าฮวงจุ้ยฮิตไปถึงที่นู่นได้มันก็กะไรอยู่

แต่ไม่ต้องสงสัยเค้าได้บอกเหตุผลที่แท้จริงของมันไว้แล้ว

มีผู้สงสัยท่านนึง เขาไปค้นคว้ามาแล้วก็มาสรุปบอกว่า เรื่องราวทั้งหมด จริงๆ เป็นแค่เรื่องที่แต่งขึ้นมามั่วๆ โดยนักศึกษาไต้หวันที่วันๆไม่มีอะไรทำ (ว่างมากช่วยคิดcom4มั้ย) แต่งขึ้นมาขำๆ เสร็จแล้วเผอิญเรื่องมันได้รับการแพร่ขยายไปเรื่อยๆ ทาง forward email จนในที่สุดคนเกิดเชื่อเป็นตุเป็นตะกันไปทั่วโลก
ตัวเขาบอกว่า เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่า n เล็กนี้ แท้จริงแล้วมันมีที่มายังไงกันแน่ แต่ถ้าให้เดา คิดว่ามันน่าจะเป็นการออกแบบเพื่อความสวยงามเฉยๆ มากกว่า จะให้รู้ชัดไปเลย คงต้องไปลักพาตัวคนก่อตั้งมาถามให้มันแจ่มแจ้ง ต้องขอบคุณที่บ้านไอ้หนุ่มมีอินเตอร์เน็ต เขาเลยเลือกใช้วิธีส่งอีเมลไปถามที่บริษัทเซเว่นอิเลเว่นสาขาใหญ่แทน คำตอบที่ได้รับมา ไอ้หนุ่มเอามาโพสต์ไว้ที่เว็บบอร์ดของ Japundit.com ถ้าอยากอ่านเวอร์ชั่นจริงก็สามารถเข้าไปดูได้ที่ลิงค์ดังต่อไปนี้ http://japundit.com/archives/2005/06/28/795/

ผลปรากฏว่า คนที่ตอบอีเมลมาคือคุณ Margaret Chabris ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ของเซเว่นอิเลเว่นสาขาใหญ่ที่เมืองดัลลัส ในรัฐเท็กซัส* เธอบอกว่า ได้อีเมลต่อไปถามหลานชายของผู้ก่อตั้งบริษัท ซึ่งก็ได้ไปถามพ่อของตัวเองซึ่งเคยเป็นอดีตประธานบริษัทมาอีกต่อหนึ่ง สรุปแล้วได้คำตอบมาว่า เดิมทีเดียวนั้น คำว่า ELEVEN ในโลโก้อันเก่าๆ ล้วนเขียนด้วยตัวใหญ่ทั้งหมด แต่พอมีการปรับเปลี่ยนโลโก้ใหม่ในยุค 1960s นักออกแบบเค้าแนะนำ บอกว่า ตัว N ใหญ่ มันเหลี่ยมจัด แลดูแข็งกระด้างเกินไป ไม่สวย ให้เปลี่ยนใหม่มาเป็นตัว n เล็ก จะได้ดูซอฟขึ้น สมูธขึ้น มีส่วนโค้งส่วนเว้า เย้ายวนยิ่งขึ้น..
และนั่นก็คือที่มาทั้งหมดของโลโก้ที่ท่านเห็นอยู่ในปัจจุบัน หาได้มีอันใดเกี่ยวข้องกับฮวงจุ้ยแม้แต่เพียงน้อยนิด แต่ในเรื่องชื่อทำไมต้อง 7-ELEVEn หลายคนน่าจะรู้แล้วก้อขอไม่บอกละกัน(เด่วบทความจะยาวมากไปจนไม่มีคนอยากอ่าน หะหะ)
(ที่มา www.onopen.com)


โลโก้ดั้งเดิม

Nเปลี่ยนเป็น n ก้อมีการสลับหน้าที่ (มั้ย??)จากความแข็งกระด้าง เปลี่ยนเป็น smoothขึ้น ลื่นไหลจนบางทีไม่สังเกตุก้อไม่รู้นะนั่น

การตัดสินครั้งสุดท้ายกับ CD4

เนื่องจากตั้งแต่เรียนมาการคิดวิเคราะห์งานของผมไม่เข้าขั้นจิงๆ ตั้งแต่เรียนมายังไม่ผ่านเลยซักครั้ง และวันอังคารนี้คือวันตัดสินครั้งสุดท้ายเรื่อง macro และ micro เครียด!!
จากอาทิตย์ที่แล้วที่เสนอแล้วไม่ผ่านเพราะระบบการคิดยังไม่ดี เกิดการก้าวกระโดด เริ่มจากการมองเห็นจุลภาคขนาดเล็กไปสู่ความผิดปกติทางการมองเห็นแบบตาบอดสีเพราะอยากจะรีบทำให้จบ และคิดไปเองว่ามันน่าจะใช้ได้
ครั้งนี้ผมจึงเริ่มใหม่อีกครั้ง คิดเริ่มจาก macroและmicro ตีความแบบง่ายๆ ใหญ่ กับ เล็ก
สิ่งที่มีขนาดใหญ่มากและสิ่งที่มีขนาดเล็ก ใหญ่ เล็ก ถ้าสิ่ง2สิ่งนี้เปลี่ยนหน้าที่กันจะเป็นอย่างไร

เฮ้ออ...

คิด

คิด

คิด